วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ขิง (อังกฤษGinger) เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีนวลมีกลิ่นหอมเฉพาะ แทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอประกอบด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกัน ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกันเป็นสองแถว ใบรูปหอกเกลี้ยงๆ กว้าง 1.5 - 2 ซม. ยาว 12 - 20 ซม. หลังใบห่อจีบเป็นรูปรางนำปลายใบสอบเรียวแหลม โคนใบสองแคบและจะเป็นกาบหุ้มลำต้นเทียม ตรงช่วงระหว่างกาบกับตัวใบจะหักโค้งเป็นข้อศอก ดอก สีขาว ออกรวมกันเป็นช่อรูปเห็ดหรือกระบองโบราณ แทงขึ้นมาจากเหง้า ชูก้านสูงขึ้นมา 15 - 25 ซม. ทุกๆ ดอกที่กาบสีเขียวปนแดงรูปโค้งๆ ห่อรองรับ กาบจะปิดแน่นเมื่อดอกยังอ่อน และจะขยายอ้าให้ เห็นดอกในภายหลัง กลีบดอกและกลีบรองกลีบดอก มีอย่างละ 3 กลีบ อุ้มน้ำ และหลุดร่วงไว โคนกลีบดอกม้วนห่อ ส่วนปลายกลีบผายกว้างออกเกสรผู้มี 6 อัน ผล กลม แข็ง โต วัดผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม.
ขิงขยายพันธุ์โดยใช้เหง้า ปลูกในดินร่วนซุยผสมปุ๋ยหมัก หรือดินเหนียวปนทราย โดยยกดินเป็นร่องห่างกัน 30 ซม. ปลูกห่างกัน 20 ซม. ลึก 5 - 10 ซม. ขิงชอบขึ้นในที่ชื้นมีการระบายน้ำดี ถ้าน้ำขังอาจโดนโรคเชื้อรา และการขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจเป็นการลงทุนสูงแต่คุ้มค่าและจะได้พันธุ์ที่ปลอดเชื้อ เพราะส่วนใหญ่โรคที่พบมักติดมากับท่อนพันธุ์ขิง
ขิงมีอยู่หลายชื่อ ตามแต่ละถิ่น ได้แก่ ขิงแกลง, ขิงแดง (จันทบุรี), ขิงเผือก (เชียงใหม่), สะเอ (แม่ฮ่องสอน)), ขิงบ้าน, ขิงแครง, ขิงป่า, ขิงเขา, ขิงดอกเดียว (ภาคกลาง), เกีย (จีนแต้จิ๋ว)

ข่า

ข่า เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า "เหง้า" อยู่ในตระกูลขิง เป็นไม้ล้มลุก เป็นพืชสมุนไพรที่นำมาใช้ในการประกอบอาหารในประเทศไทยและอินโดนีเซีย ข่ามีชื่อสามัญอื่นอีกคือ กฎุกกโรหินี (กลาง) ข่าหยวก (เหนือ) ข่าหลวง (ตะวันออกเฉียงเหนือ,เหนือ) สะเอเชย (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) และ เสะเออเคย 
ข่าเป็นไม้ล้มลุก สูง 1.5-2 เมตรอยู่เหนือพื้นดิน เหง้ามีข้อและปล้องชัดเจน เนื้อในสีเหลืองและมีกลิ่นหอมเฉพาะ ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปใบหอก รูปวงรีหรือเกือบขอบขนาน กว้าง 7-9 ซม. ยาว 20-40 ซม. ดอก ช่อ ออกที่ยอด ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีขาว โคนติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ปลายแยกเป็น 3 กลีบ กลีบใหญ่ที่สุดมีริ้วสีแดง ใบประดับรูปไข่ ผล เป็นผลแห้งแตกได้ รูปกลม

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ 

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

เนื่องจากการทำอาหารที่ไข่เป็นส่วนประกอบของมื้อนั้นๆและก็ทิ้งเปลือกไข่ไป พวกเราจึงศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของเปลือกไข่ และจึงเป็นที่มาของโครงงานนี้


วัตถุประสงค์


1. เพื่อนำเอาสิ่งที่เหลือใช้ “เปลือกไข่”มาใช้ประโยชน์

2. เพื่อศึกษาคุณประโยชน์ของเปลือกไข่


สมมุติฐาน


เมื่อนำเปลือกไข่ไปทดลองแล้วสามารถไล่มดจริงหรือไม่




ประโยชน์ที่ได้รับ


1. ได้ลดการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวัน

2 ได้นำเอาเปลือกไข่มาใช้ประโยชน์
3.ได้ความรู้เกี่ยวกับเปลือกไข่

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
 เนื่องจากในปัจจุบันมดสร้างความรำคาญให้แก่ผู้คน และมดบางชนิดมีพิษ 
เช่น มดตะนอย มดลิ้นงูเห่า พวกเราได้สังเกตุเห็นว่าเวลานำเปลือกไข่ไปทิ้งบริเวณนั้นจะไม่มีมด
จึงนำไปสู่การทำโครงงาน  เราจึงหาวิธีกำจัดมดโดยไม่เป็นอันตราย ต่อ มนุษย์และธรรมชาติ
และได้หาสมุนไพรมาผสมเพื่อให้มีคุณภาพมากขึ้น

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ขั้นตอนการทำ
1.เปลือกไข่ ล้างให้สะอาด เผาให้เหลืองและแห้งสนิท

2.
ใส่เปลือกไข่ที่ย่างแล้วใส่ครก ตำให้ละเอียด

3.
เทเปลือกไข่ลงในแก้ว 1 ส่วนแล้วเติมน้ำ 2 ส่วน

4.
คนให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง

5.
ใช้ฉีดพ่น หรือราดบริเวณรังมด 

เปลือกไข่

              เปลือกไข่
ไข่เป็นอาหารที่หาทานได้ง่าย ราคาถูก สามารถประกอบอาหารได้หลายอย่าง แต่เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่ทางการแพทย์พบว่า ไข่ประกอบด้วยคลอเรสเตอรอล ที่ทำให้คลอเรสเตอรอลในเลือดสูง และทำให้อัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด จึงมีคำแนะนำว่าในผู้ใหญ่ไม่ควรทานไข่เกินสัปดาห์ละ 3ฟอง แต่จากการวิจัยในระยะหลังๆ พบว่า คลอเรสเตอรอลที่มีในไข่ มีผลต่อคลอเรสเตอรอลในเลือดน้อยมาก

ใครที่ชอบทานไข่ ทราบหรือไม่ว่า เปลือกไข่ก็มีประโยชน์เหมือนกัน วันนี้เกร็ดความรู้มีมาฝากกัน
...
   เปลือกไข่อุดมด้วยธาตุเหล็ก นำเปลือกไข่มาล้างให้สะอาด อบย่างให้ร้อนแล้วตำให้เป็นผงละเอียดนำไปหุงปนกับข้าวสาร เป็นอาหารที่มีคุณค่าบำรุงดีมาก และสารอาหารที่จะได้รับจากเปลือกไข่ ก็คือ แคลเซี่ยมประโยชน์ที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการนำเปลือกไข่มาใช้ไล่มด โดย เปลือกไข่ที่เผาไฟแล้วบดละเอียด จะมีสารแคลเซียมเมื่อผสมกับน้ำก็จะได้แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นเบส(ด่างสามารถขับไล่มดได้ 

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บันทึกความดี ประจำวันพฤหัสบดี ที่27 มิถุนายน 2556

1.ตื่นโดยแม่ไม่ต้องปลุก
2.มาโรงเรียนไม่สาย
3.แต่งตัวมาโรงเรียนเอง
4.กินข้าวเอง
5.มาโรงเรียนเอง(วินมอร์ไซ)
555555555555555555555555555
             
kanin nese